มนุษยชาติกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมกับการปฏิวัติเทคโนโลยี 4.0 ซึ่งมีรากฐานจากการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่งผลกระทบต่อเกือบทุกด้านของชีวิตทางสังคม และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในกิจกรรมการเยี่ยมชมเพื่อการศึกษาและความบันเทิง ปัจจุบัน ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ไม่เพียงแค่อ่านเอกสารและชมวัตถุจัดแสดงในตู้กระจกเท่านั้น แต่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์และ "สนทนา" กับวัตถุจัดแสดง เพื่อทำความเข้าใจนิทรรศการได้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มพูนความรู้เชิงรุกสถานการณ์นี้นำไปสู่การแข่งขันอย่างเข้มข้นระหว่างพิพิธภัณฑ์กับสถาบันทางศิลปวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมความบันเทิง ส่งผลให้พิพิธภัณฑ์จำเป็นต้องจัดกิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้เข้าชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเนื้อหาและรูปแบบของนิทรรศการ บทความนี้นำเสนอความจำเป็นของการมีปฏิสัมพันธ์แบบหลายมิติในนิทรรศการ ซึ่งเป็นทั้งความต้องการและปัจจัยสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชม นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงความท้าทายที่พิพิธภัณฑ์ต้องเอาชนะ เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าสนใจแก่ผู้เข้าชม ในขณะที่ยังคงรักษาลักษณะทางวิทยาศาสตร์และการศึกษาของนิทรรศการไว้

     ดร.ญี หวู ห่ง เป็นนักวิจัยด้านคติชนวิทยาและชาติพันธุ์วิทยาที่มีชื่อเสียงแห่งพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาเวียดนาม เธอได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์ยูเรเชีย เมื่อ ค.ศ. 2014 ร่วมกับภาคีเครือข่ายในประเทศฟินแลนด์ ดร.ญีเป็นผู้เขียนและผู้ร่วมเขียนหนังสือหลายเล่มในด้านพิพิธภัณฑ์วิทยาและชาติพันธุ์วิทยา รวมทั้งบทความจำนวนมากเกี่ยวกับการศึกษาและนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ เธอรับผิดชอบโครงการให้ความรู้แก่สาธารณชน ณ พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาเวียดนามตั้งแต่ ค.ศ. 2000 - ปัจจุบัน